ระบบไฟฟ้าภายในอาคารก่อสร้าง
การก่อสร้างอาคารห้องพัก หรือ อาคารพาณิชย์ นั้นนอกจากในส่วนของการก่อสร้างตัวอาคารจะสำคัญแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไปไม่แพ้กันก็คือ ระบบไฟฟ้า หรือ ตู้ไฟฟ้า เพราะมันเป็นตัวช่วยให้ ระบบไฟฟ้า ภายในอาคาร นั้น สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับ ระบบไฟฟ้า ขึ้นมา ตู้ไฟฟ้า นี่แหละ จะทำหน้าที่ในการตัดกระแสไฟในอาคาร ในกรณีที่อาคารเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจน เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นมาในภายหลัง หลายคนอาจไม่ทราบว่าการทำงานของตู้ไฟฟ้า นั้น เป็นอย่างไร เพื่อให้อาคารปลอดภัยจาก ระบบไฟฟ้า มากที่สุด ก่อนเริ่ม งานก่อสร้าง เราควรคำนึงถึงการเลือกใช้ ตู้ไฟฟ้า ให้ดีหรือปรึกษา ผู้รับเหมา ที่ชํานาญการเพื่อจะได้เลือกใช้งานตู้ไฟฟ้า ได้อย่างถูกต้อง หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ภายในตู้ไฟฟ้า นั้น จะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ระบบไฟฟ้าภายในอาคารก่อสร้าง หรือ ตู้ไฟฟ้าจะประกอบไปด้วย
- เมนเบรกเกอร์ สามารถกันดูดได้ และ สามารถทน กระแสไฟฟ้า ลัดวงจรได้สูงสุดที่ 10 KA ระบบตัวนี้จะทำงานเมื่อมี ไฟฟ้าลัดวงจร โดยจะตัดไฟทั้ง อาคาร ซึ่งหมายความว่า อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชนิดไหนที่เชื่อมต่อกับ ตู้ไฟฟ้า นี้อยู่จะถูกตัดกำลังไฟฟ้าจน ไม่สามารถใช้งานได้ทั้งหมด นั้นเอง
- เบรกเกอร์ลูกย่อย หากสังเกตให้ดีใน ตู้ไฟฟ้า นั้น เราจะพบว่ามี เมนเบรกเกอร์ แล้ว ยังมีเบรกเกอร์ขนาดเล็ก แบ่งออกเป็นส่วนๆ อีกด้วย เบรกเกอร์ย่อย เหล่านี้จะถูกแบ่งออก เป็น 4 ส่วนคือ
- วงจร สำหรับให้แสงสว่าง มักจะเชื่อมต่อ กับ หลอดไฟ ทั่วทั้ง อาคาร สามารถทนกระแสลัดวงจรได้สูงสุดที่ 6 KA หากเบรกเกอร์ในส่วนนี้ถูกตัด อุปกรณ์ สำหรับให้ แสงสว่างภายในอาคารก็จะไม่ได้รับกระแสไฟฟ้าสำหรับการทำงาน
- เต้ารับ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนประกอบไปด้วย เต้ารับชั้น 1 ใช้เบรกเกอร์ที่สามารถทน ค่ากระแสลัดวงจรได้สูงสุดที่ 6 KA ส่วนต่อมาจะเป็น เต้ารับ 2 ชั้น ซึ่ง จะสามารถทนค่ากระแสไฟฟ้าลัดวงจรได้ในปริมาณเดียวกัน
- เครื่องทำน้ำอุ่น ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สามารถทนค่ากระแสไฟฟ้าลัดวงจรได้ที่ 6 KA
- เครื่องปรับอากาศ ถูกแบ่งออก เป็น 2 ส่วน เช่นเดียวกัน นั่นก็คือ เครื่องปรับอากาศตัวที่ 1 และตัวที่ 2 สามารถโอนค่ากระแสไฟฟ้าลัดวงจรสูงสุดได้ที่ 6 KA
- เครื่องตัดไฟรั่ว จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ด้วยกัน ประกอบไปด้วย RCCB เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันการเกิดไฟรั่วไฟดูดได้ เพียงแค่อย่างเดียว ไม่สามารถป้องกันการโหลดไฟฟ้าเกินได้ รวมไปถึง ไม่สามารถป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ต่อมาคือ RCBO เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันได้ทั้งไฟรั่ว ไฟดูด ไฟฟ้าโหลดเกิน และ ปัญหาลัดวงจร ราคาแพงกว่าแต่ติดตั้งเพียงตัวเดียวก็ครอบคลุมการใช้งาน
ปัจจัยในการพิจารณา การเลือกใช้ตู้ไฟฟ้า
- จำนวนช่อง ภายในตู้ไฟฟ้า นั้น จะมีให้เลือกมากมายหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ 4 ช่องไปจนถึง 20 ช่อง ในกรณีที่เรา สร้างอาคารห้องพัก หรือ อาคารพาณิชย์ ซึ่งมีหลายชั้น และมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานเพื่อการทำธุรกิจหรือการปล่อยเช่า อาจจำเป็นจะต้องเลือกใช้จำนวนช่องที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเช่น 10-20 ช่อง การเลือกช่องนั้นต้องเผื่อสำหรับการต่อขยายเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าภายในอนาคตด้วย อย่างน้อยควรมีช่องเหลือเผื่อเอาไว้ประมาณ 2 ช่อง
- รูปแบบการติดตั้ง รูปแบบการติดตั้งนั้น ผู้รับเหมา จะสามารถทำได้ 2 แบบด้วยการประกอบไปด้วยแบบ Plug On ซึ่งจะใช้เป็นบัสบาร์เดียว ราคาจะค่อนข้างแพงแต่ไม่จำเป็นต้องเดินสายไฟไปยังเบรกเกอร์ลูกย่อย ประหยัด สวยงาม และเรียบร้อย ส่วนระบบ DIN-Rial หรือรางปีกนกนั้นข้อดีคือราคาถูก แต่อย่างไรก็ตามช่างจะต้องทำการเดิน สายไฟ จากเมนไปยังเบรกเกอร์ลูกย่อยทำให้ยุ่งยากและไม่สวยงาม
- เบรกเกอร์ ในตู้ไฟฟ้านั้นจะประกอบไปด้วยเบรกเกอร์ 2 แบบนั่นก็คือเมนเบรกเกอร์และเบรกเกอร์ลูกย่อย ส่วนของเมนเบรกเกอร์นั้นจะประกอบไปด้วย 2 แบบด้วยกันนั่นก็คือแบบ RCCB ที่ต้องใช้งานร่วมกับ MCB และแบบ RCBO จะทำงานต่อเมื่อมีกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ไฟรั่ว ไฟดูด หรือไฟฟ้าโหลดเกินกำลัง แล้วแต่แบบว่าแบบไหนจะตัดเฉพาะอย่างหรือตัดทั้งหมด แต่เมื่อเบรกเกอร์ตัวนี้ทำงานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับตู้ไฟฟ้าจะไม่ได้รับกระแสไฟทันทีทั้งหมดพร้อมกัน ส่วนเบรกเกอร์ลูกย่อยนั้นจะมีความแข็งแรงทนทานการลัดวงจรน้อยกว่าเมนเบรกเกอร์ เมื่อหยุดทำงานจะตัดกระแสไฟฟ้าเฉพาะส่วนเท่านั้น
- เครื่องตัดไฟฟ้ารั่ว อุปกรณ์แต่ละชนิดนั้นก็ล้วนแล้วแต่มีอายุการใช้งาน ในตู้ไฟฟ้าเองเครื่องตัดไฟรั่วก็มีอายุการใช้งานเช่นเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้นยังมีให้เลือกหลายชนิดอีกด้วย เราต้องเลือกแบรนด์ที่เหมาะสมและช่วยให้อาคารของเราปลอดภัยจากเหตุเพลิงไหม้ได้มากที่สุดตั้งแต่ขั้นตอน งานก่อสร้าง
มาตรฐานและราคาของตู้ไฟฟ้า
ในการ ก่อสร้างอาคารห้องพัก หรือ อาคารพาณิชย์ นั้น เมื่อ ผู้รับเหมา ดำเนินมาจนถึงขั้นตอนของการวางระบบไฟฟ้าก็จะเข้าสู่การพิจารณาว่าจะเลือกใช้ตู้ไฟฟ้าแบบไหนดี สิ่งที่สำคัญที่สุด ในการพิจารณาเลือกใช้ใน งานก่อสร้าง คือมาตรฐานและราคาของอุปกรณ์ เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นล้วนแล้วแต่มีมาตรฐานที่จะช่วยบอกว่าพวกมันสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างปลอดภัยสูงสุด หรือไม่ อีกหนึ่งสิ่งที่จะต้องพิจารณาก่อนการเลือกซื้อคือ แหล่งซื้อและราคารวม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องหาแหล่งที่ซื้อที่สามารถไว้วางใจได้ มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ราคารวมออกมาไม่สูงเกินกว่าราคาตลาดจนเกินไป เพียงเท่านี้ เราก็จะได้ตู้ไฟฟ้าที่ทั้งเหมาะสมกับการใช้งานในอาคารพาณิชย์ของเรา ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้าในราคาที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น